นายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอภาคธุรกิจการบิน พร้อมขอความร่วมมือภาคธุรกิจการบินให้คงสภาพการดำเนินงาน ไม่ลดการจ้างพนักงาน ย้ำรัฐบาลจะหามาตรการเสริมช่วยโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจสำคัญที่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เหมือนกันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะพิจารณาข้อเสนอจากภาคธุรกิจการบินและหาวิธีการช่วยเหลือ ทั้งนี้ รัฐบาลโดย ศบค. กำลังหามาตรการผ่อนปรนในหลายเรื่อง ทั้งการหาแนวทางปลดล็อคเรื่องการบิน รวมทั้งกำลังเร่งผ่อนคลายเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศโดยต้องพิจารณาทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ภาคธุรกิจการบินร่วมมือกันให้มากขึ้น ลดการแข่งขันด้านราคาโดยให้แข่งขันกันด้านบริการ ให้จัดระเบียบการดำเนินงานให้ดี ให้คงสภาพการดำเนินงานโดยไม่ให้มีหนี้สินเพิ่ม และไม่ลดการจ้างพนักงาน โดยรัฐบาลจะหามาตรการเสริมต่าง ๆ ช่วยโดยเร็วต่อไป
สำหรับคณะผู้บริหารระดับสูงของ 7 สายการบินในประเทศไทยที่เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นหนังสือฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท สายการบินนกแอร์ และสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ โดยได้มีข้อเสนอรวม 3 ประเด็นคือ
3. การยกเว้นและลดหย่อนค่าธรรมเนียมการดำเนินงานของสายการบิน เช่น การขึ้นลงของอากาศยาน (Landing fee) ที่เก็บอากาศยาน (Parking fee)
โดยปลัดกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft loan เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีผลกระทบต่อสภาพคล่อง ผ่านธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนการยกเว้นและลดหย่อนค่าธรรมเนียมการดำเนินงานของสายการบินนั้น สามารถพิจารณาขยายระยะเวลาการยกเว้นและลดหย่อนค่าธรรมเนียมฯ ขยายออกไปถึงเดือนมีนาคม 2565 ขณะที่เรื่องการขอให้คงภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินนั้น จะยังคงคงไว้ตามที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563