หลายคนคงเคยผ่านไปผ่านมากับพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน เขตดอนเมือง เยื้องๆกับโรงพยาบาลภูมิพล โดยอาจจะไม่รู้ว่าด้านในมีอะไรบ้างและมีความน่าสนใจอย่างไร และทางกองทัพอากาศยังได้มีการปรับปรุงส่วนจัดแสดงไปเมื่อไม่นานมานี้ เราลองไปชมบรรยากาศกันว่าเป็นอย่างไร
ข้อมูลพิพิธภัณฑ์
กองทัพอากาศ ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศขึ้นเมื่อ พ.ศ.2495 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมและเก็บรักษาอากาศยาน อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารที่เคยใช้ในกองทัพอากาศ ตลอดจนบริภัณฑ์ประจำตัวนักบิน เครื่องแบบ เอกสารและพัสดุสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการบิน นำมาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม พร้อมทั้งมีห้องสมุดประวัติศาสาตร์การบินที่รวบรวมหนังสือ จดหมายเหตุ รูปภาพ และเอกสารทางประวัติศาสตร์ของกิจการบินไว้ให้ศึกษาค้นคว้า โดยเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นตำนานของกองทัพอากาศ
ด้วยตระหนักถึงบทบาทของการเป็นผู้รักษาสมบัติของชาติ และการบริการความรู้แก่สังคม ปัจจุบันกองทัพอากาศได้พัฒนาการให้บริการความรู้ การจัดแสดง และการประชาสัมพันธ์พิพิธภัณฑ์อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองต่อการเป็นแหล่งศึกษาตลอดชีวิต สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการมุ่งสู่การเป็น “หอเกียรติภูมิของกองทัพอากาศและแหล่งเรียนรู้ของชาติด้านการบิน” (Museum Thailand)
วันเวลาเปิดให้บริการ : เปิดบริการทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 15.30 น. หยุดทุกวันจันทร์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
บริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ด้านหน้าเป็นอาคารจัดแสดงส่วนแรก
การเดินทาง
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติในปัจจุบันสะดวกสบายขึ้นมาก หลังจากมีการเปิดรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจนถึงสถานีคูคตเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยสามารถลงที่สถานี “พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ” ซึ่งตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย สำหรับการเดินทางโดยวิธีอื่นๆเช่นรถประจำทางก็สะดวกสบาย รวมถึงถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ ทางพิพิธภัณฑ์มีที่จอดกว้างขวางพร้อมรองรับรถยนต์จำนวนมาก
สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ลงที่สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศที่ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑ์
ภายในแบ่งส่วนจัดแสดงเป็นหลายส่วน และมีเครื่องบินรุ่นต่างๆตั้งแต่ยุคเก่าจนถึงจุคปัจจุบันมากมาย โดยมีทั้งที่จอดจัดแสดงอยู่ภายในอาคารและจอดอยู่บริเวณด้านหลังของอาคาร ส่วนแรกจะเป็นการเล่าถึงประวัติตั้งแต่มีการก่อตั้งกองทัพอากาศ มีเครื่องบินใบพัดที่ประจำการในกองทัพอากาศไทยในยุคแรกจัดแสดงไล่ไปจนถึงเครื่องบินไอพ่นแบบต่างๆ
เดินเข้ามาภายในอาคาร พบกับเครื่องบินลำแรก Northrop F-5A Freedom Fighter
หลังจากนั้นก็จะเป็นเส้นทางการพัฒนาของกองทัพอากาศไทย ที่เริ่มต้นจากเครื่องบินใบพัดแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็น Nieuport IV.G ที่เข้าประจำการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2456 เครื่องบินแบบ Breguet III รวมถึงเครื่องบินแบบบริพัตร ที่ออกแบบและสร้างโดยคนไทย
เครื่องบินแบบ Breguet III เป็นเครื่องบินลาดตระเวนตรวจการณ์ 2 ที่นั่ง
เครื่องบินแบบบริพัตร เครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ที่นั่ง ออกแบบและสร้างโดยคนไทยโดยใช้วัสดุภายในประเทศ ยกเว้นเครื่องยนต์
ส่วนจัดแสดงถัดมามีเครื่องบินจำนวน 2 ลำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆที่จัดแสดงอย่างสวยงาม โดยประกอบด้วยเครื่องบินแบบ V-93S Corsair และ Curtiss Hawk III
ถัดมาจะเข้าสู่อีกยุคของกองทัพอากาศ นั่นคือเริ่มมีเครื่องบินไอพ่นเข้าประจำการ แต่ก็ยังมีเครื่องบินใบพัดร่วมจัดแสดง โดยประกอบด้วยเครื่องบินแบบ Grumman F8F Bearcat, T-33 Shooting Star, F-84G และ F-5A Freedom Fighter
เครื่องบินแบบ Grumman F8F Bearcat ที่กองทัพอากาศได้รับจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางทหารเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยเครื่องด้านหลังคือ T-33 Shooting Star ซึ่งเป็นเครื่องบินไอพ่นแบบแรกของกองทัพอากาศ
เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดที่นั่งเดี่ยวแบบ F-84G Thunderjet โดยด้านหลังคือ Northrop F-5A Freedom Fighter
ผ่านจากส่วนจัดแสดงนี้ไปก็จะได้พบกับเครื่องบินไอพ่นที่ทันสมัยและยังมีประจำการอยู่ในกองทัพอากาศในปัจจุบัน ประกอบด้วยเครื่องบินแบบ F-5A และ F-5B รวมถึงกำลังรบหลักในปัจจุบันอย่าง F-16 Fighting Falcon และ JAS-39 Gripen
เครื่องบินแบบ JAS-39 Gripen ที่รัฐบาลสวีเดนมอบให้เป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ และ F-5B โดยเป็น F-5 ลำแรกของโลกอีกด้วย
ผ่านจากส่วนนี้ไปก็จะเข้าสู่อีกอาคารที่อยู่ติดกัน ที่ยังมีเครื่องบินที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งของกองทัพอากาศเอง และยังมีเครื่องบินรบที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามมอบให้จัดแสดงอีกอยู่อีกด้วย
เครื่องบินขับไล่แบบ Boeing 100E โดยมีความพิเศษคือเป็นเครื่องบินที่เก่าแก่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ (2474) โดยหลังจากการใช้งานลำนี้ปรากฎว่าใช้งานได้ดีเป็นผลให้ทางกองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินอีกหลายรุ่นจากสหรัฐอเมริกาต่อมา
เครื่องบินขับไล่แบบ MIG-21 BIS ที่กระทรวงกลาโหมเวียดนามมอบให้ไทยเมื่อปี 2557 เพื่อตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
บรรยากาศโดยรวมของอาคารจัดแสดง
มองจากส่วนจัดแสดงในอาคารออกไปภายนอก
ส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง
หลังจากเดินชมส่วนจัดแสดงภายในอาคารทั้ง 2 อาคารแล้ว ก็จะถึงอีกส่วนที่สำคัญนั่นคือส่วนจัดแสดงกลางแจ้งที่ยังมีเครื่องบินที่น่าสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ให้ชมมากมาย รวมถึงเครื่องบินขนส่งต่างๆที่มีขนาดใหญ่ไม่สามารถจอดในอาคารได้นั่นเอง
เครื่องบินแบบ Boeing 737-200 หมายเลขเครื่อง 22-222
เครื่องบินแบบ AVRO748 ที่มีระยะเวลาประจำการในกองทัพอากาศยาวนานกว่า 50 ปี
เครื่องบินแบบ AVRO748 ที่มีระยะเวลาประจำการในกองทัพอากาศยาวนานกว่า 50 ปี
เครื่องบินแบบ Arava ผลิตโดยประเทศอิสราเอลที่เคยอยู่ในฝูงบินปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนที่จะปลดประจำการไปเมื่อปี 2559
นอกจากสามารถเดินชมเครื่องบินที่จอดอยู่ได้อย่างใกล้ชิดแล้ว เครื่องบินบางลำยังเปิดให้สามารถขึ้นไปด้านในเครื่องบินได้ เช่น Fairchild C-123 ที่สามารถขึ้นไปยังห้องโดยสารและบรรทุกสินค้า รวมถึงห้องนักบินที่ยังพอมีอุปกรณ์ต่างๆหลงเหลืออยู่
สำหรับส่วนจัดแสดงด้านนอกนี้ ยังมีห้องจัดแสดงย่อยๆที่สามารถเดินเข้าไปชมได้ เช่นห้องจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง และห้องจัดแสดงการฝึกบินของนักบิน เป็นต้น
ส่วนจัดแสดงหนึ่งในห้องย่อย เป็นชุดนักบินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงชุดนักบินรูปแบบต่างๆของแต่ละแบบเครื่องบิน
HYPOBARIC CHAMBER หรือห้องที่จำลองสภาพอากาศของความสูงต่างๆจากพื้นดิน เพื่อทดสอบร่างกายของนักบินในสภาวะต่างๆ
ภายใน HYPOBARIC CHAMBER
ออกจากห้องจัดแสดงย่อยมาแล้วก็จะพบกับส่วนสุดท้ายของพิพิธภัณธ์ ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นต่างๆจอดเรียงรายอยู่จำนวนมาก
ส่วนจัดแสดงส่วนสุดท้าย
เครื่องบินที่ถือเป็นกำลังหลักของกองทัพอากาศในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาจอดอยู่คู่กัน ทั้ง Alphajet และ L-39 Albatross
อีกหนึ่งไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศคือเครื่องบินรุ่นนี้ นั่นคือ AV-8S Harrier ที่กองทัพเรือได้มอบมาจัดแสดง
ข้างๆกันคือ A-7E ที่กองทัพเรือได้มอบมาจัดแสดงเช่นกัน
หลังจากเครื่องบินทั้ง 2 ลำนี้ก็จะเดินออกไปด้านหน้าบริเวณลานจอดรถ ถือว่าการชมพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินชม แต่ถ้าชอบถ่ายรูปคงจะใช้เวลาอยู่ในนี้นานพอสมควรเพราะมีมุมให้ถ่ายรูปหลากหลายมาก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยี่ยมเยียน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ยิ่งสำหรับคนรักการบินและประวัติศาสตร์ ทีนี่คือแหล่งรวมสุดยอดของล้ำค่าที่ตั้งใกล้ๆแบบจับต้องได้!
อย่าลืมติดตาม Wingtips เพื่อที่จะไม่พลาดข่าวสารและเรื่องเล่าการบินอื่นๆตามช่องทางดังนี้
Homepage : Wingtips
Facebook : WingtipsTH
Instagram : wingtips_th
สำหรับติดต่อโฆษณาและอื่นๆสามารถส่งรายละเอียดมาได้ที่ [email protected]
