วันนี้หลายคนคงจะเห็นข่าวสายการบินออกนโยบายให้พนักงานลาแบบไม่รับเงินเพื่อเป็นการลดต้นทุนของบริษัท รวมทั้งช่วงปีที่ผ่านมาก็มีข่าวในทำนองนี้ออกมาเป็นระยะจากหลากหลายสายการบิน รวมทั้งจะได้ยินคำว่า “ซอฟท์โลน” อยู่ทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ ซึ่งคำๆนี้อยู่ในข่าวมาเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว เราลองไปทำความเข้าใจกันว่ามันคืออะไร และมีความสำคัญต่อสายการบินต่างๆอย่างไร
ซอฟท์โลน หรือ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่สายการบินต่างๆที่จดทะเบียนในประเทศไทยรวมทั้งหมด 8 สายการบินได้ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563
โดยแต่ละสายการบินมีการขอจัดสรรวงเงินกู้ดังนี้
– บางกอกแอร์เวย์ วงเงิน 3,000 ล้านบาท
– ไทยแอร์เอเชีย วงเงิน 4,500 ล้านบาท
– ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ วงเงิน 3,000 ล้านบาท
– ไทยไลอ้อนแอร์ วงเงิน 3,750 ล้านบาท
– ไทยเวียตเจ็ท วงเงิน 900 ล้านบาท
– ไทยสมายล์ วงเงิน 1,500 ล้านบาท
– นกสกู๊ต วงเงิน 3,500 ล้านบาท (ปัจจุบันปิดกิจการ)
– นกแอร์ วงเงิน 4,000 ล้านบาท
รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท โดยจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำนั่นคือ 2% ต่อปี ผ่อนชำระคืน 60 งวด (5 ปี) และเริ่มชำระคืนงวดแรกวันที่ 1 มกราคม 2564 และยังระบุว่าสายการบินมีความจำเป็นต้องเบิกเงินกู้ก้อนแรก 25% ภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัทและรักษาสภาพการจ้างงานไว้
หลังจากมีการยื่นหนังสือไปในครั้งแรก ก็มีการสอบถามความคืบหน้าอย่างเป็นทางการเป็นระยะดังนี้
– 16 เมษายน 2563 ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้ากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
– 28 สิงหาคม 2563 ทำหนังสือขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจการบินของประเทศไทย ยื่นแก่นายกรัฐมนตรี
– 26 กันยายน 2563 คำสัมภาษณ์ของผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าสายการบินต่างๆจะทำการสอบถามความคืบหน้าอีกครั้งในเดือนตุลาคม
– 30 พฤศจิกายน 2563 ปรับลดยอดวงเงินจาก 24,150 ล้านบาท เหลือ 14,000 ล้านบาท
28 สิงหาคม 2564 นายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอภาคธุรกิจการบิน พร้อมขอความร่วมมือภาคธุรกิจการบินให้คงสภาพการดำเนินงาน ไม่ลดการจ้างพนักงาน ย้ำรัฐบาลจะหามาตรการเสริมช่วยโดยเร็ว (ข่าวฉบับเต็ม)
เหตุผลที่สายการบินต่างๆสอบถามความคืบหน้าเป็นระยะ คาดว่าจะมาจากการขาดสภาพคล่องจากการลดลงของความต้องการการเดินทางในประเทศ และยังไม่สามารถให้บริการเส้นทางต่างประเทศตามปกติได้ ทำให้รายได้ของสายการบินทุกสายลดลงอย่างมาก แม่ว่าหลายสายการบินจะออกมาตรการต่างๆในการลดรายจ่าย เช่นการปลดพนักงาน การปรับลดเงินเดือนพนักงาน หรือการให้ลาไม่รับเงินเดือน รวมถึงการคืนเครื่องบินกลับบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ผลประกอบการของสายการบินต่างๆก็ติดลบอย่างรุนแรก ยกตัวอย่างเช่นผลประกอบการครึ่งปีแรกของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
– บมจ.การบินกรุงเทพ ขาดทุน 3,313 ล้านบาท โดยเป็นการขาดทุนครั้งแรกของบริษัท
– บมจ.สายการบินนกแอร์ ขาดทุน 3,750 ล้านบาท
– บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น ขาดทุน 1,812 ล้านบาท
ทั้งนี้ ถ้ามีการประกาศงบกำไรขาดทุนทั้งปีออกมาเร็วนี้ คาดว่าแต่ละสายการบินต้องประสบปัญหาขาดทุนจำนวนมากอย่างแน่นอน เนื่องจากความต้องการเดินทางยังไม่ได้ฟื้นตัว รวมถึงการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ที่ทำให้การเดินทางช่วงปลายปีลดลง นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดกับสายการบินในประเทศไทยอาทิเช่น
– สายการบินนกสกู๊ต สายการบินต้นทุนต่ำที่ร่วมทุนระหว่างสายการบินสกู๊ตและสายการบินนกแอร์ ประกาศยุติกิจการ
– การปรับลดฝูงบินอย่างมีนัยสำคัญของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ โดยคืนเครื่องบินกลับสู่บริษัทแม่ที่ประเทศอินโดนิเซีย ทั้งเครื่องบินแบบ Airbus A330 ทั้งหมด รวมถึง Boeing 737 บางส่วน ทำให้จากฝูงบินกว่า 30 ลำลดลงเหลือ 11 ลำภายในเวลา 5 เดือน
– สายการบินนกแอร์ ยื่นล้มละลายต่อศาลล้มละลาย จากภาระหนี้สินและขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน โดยศาลล้มละลายมีความเห็นให้นกแอร์สามารถจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการได้
เร็วๆนี้ คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือ “ซอฟท์โลน” ก้อนนี้ จริงๆแล้วสายการบินเกือบทุกสายก็ดำเนินการมาได้โดยปราศจากเงินก้อนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ราบรื่นเท่าใดนักก็ตาม แต่จากข่าวใหญ่ในวันนี้เรื่องที่สายการบินประกาศให้พนักงานลาไม่รับเงินเดือน ก็สามารถมองได้ว่าสถานการณ์เริ่มดำเนินมาถึงจุดที่เลวร้าย สายการบินต้องมองหาแหล่งเงินทุนในการเพิ่มทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องและการจ้างงานไว้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกสายการบินจะเพิ่มทุนได้โดยง่าย
เงิน “ซอฟท์โลน” ก้อนนี้ก็อาจจะเป็นน้ำดื่มอึกเล็กๆแต่ทำให้สามารถเดินต่อไปในทะเลทรายก็เป็นไปได้
___________________________________
อย่าลืมติดตาม Wingtips เพื่อที่จะไม่พลาดข่าวสารและเรื่องเล่าการบินอื่นๆตามช่องทางดังนี้
Homepage : Wingtips
Facebook : WingtipsTH
Instagram : wingtips_th
